Spyder 5 ELITE
วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไรเราต้องคาริเบรทจอ หรือเรียกง่ายๆว่าปรับค่าหน้าจอให้แสดงผลได้ตามมาตรฐาน พูดบ้านๆเลยว่าให้สีตรงตามที่มันควรจะเป็น ขาวก็ต้องขาวตามมาตรฐาน ดำเป็นดำตามมาตรฐานที่ถูกต้องตามที่ทั่วโลกใช้งานกัน และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเราจะได้รู้ว่าหน้าจอที่เราใช้งานทุกวันนี้แสดงผลได้ดีแค่ไหน โดยส่วนมาก ค่าที่จอภาพทั่วๆไปในปัจจุบันแสดงได้ sRGB ก็จะอยู่ที่ 97-100% นั้นถือว่าเพียงพอกับการใช้งานกับคนทั่วไป แต่ถ้าคนที่ซีเรียสมากๆ เช่นช่างภาพอาชีพที่ต้องพิมพ์ภาพขาย หรือจัดแสดงนิทรรศการ หรือสายงานด้านภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์กราฟิก จอภาพที่ใช้งานกัน ต้องแสดงผลที่ค่าสี AdobeRGB และDCI P3 ที่ 100% ในสายงานที่พูดมานั้นมีการใช้งานหน้าจอมากกว่า 1หน้าจอแน่นอน ซึ่งถึงจะซื้อหน้าจอรุ่นเดียวกัน แต่สีก็ไม่ตรงกันทุกจอแน่นอน แต่ก็แสดงผลได้ใกล้เคียงกันมาก ไม่เหมือนหน้าจอคนละรุ่นและต่างยี่ห้อที่การแสดงค่าสีต่างกันมากแน่นอน เพราะแบบนี้เราเลยต้องทำการ คาริเบรทจอ นั้นเอง เรามาเข้าเรื่องกันเลย โดยวันนี้อุปกรณ์ที่ใช้ในการ คาริเบรทจอ คือ Spyder 5 ELITE ด้วยเรามีคำถามในใจอยู่มากมาย โดยเรื่องแรกผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็คงรู้มาพอสมควรว่าการ ที่เราใช้งานจอภาพไปหลายๆปีจอภาพก็ต้องเสื่อมตามการเวลา เพราะอย่างเจ้า Spyder ยังมีให้เตือนเราเลยว่าคาริเบรทจอทุกๆ 3เดือนเป็นอย่างต่ำ แต่เราว่า(เฉพาะ MacOS)มันมีปัจจัยอื่นด้วย เพราะตอนที่เครื่องเป็น MacOS El Capitan ผลที่ออกมาหลังจากคาริเบรทจอ ค่าไวท์บาลานซ์ไม่ยอมแสดงผลที่ 6500K เลยต้องทำ Custom เองเพื่อให้ได้ตามที่ทาง Spyder แนะนำ แต่พอหลังจากที่ MacOS ออกตัวใหม่ เราก็ลองใช้ Spyder ทำการคาริเบรทจอใหม่อีกครั้ง ผลที่ออกมาก็คือค่าไวท์บาลานซ์แสดงผลที่ 6500K โดยที่เราไม่ต้อง Custom เอง เพราะเหตุนี้ทุกๆครั้งที่เราทำการอัพเดต OS ใหม่เราก็ควรทำการ คาริเบรทจอ ทุกครั้งเช่นกัน เรื่องต่อมา เราควรคาริเบรทจอปีละ 1ครั้ง ก็อย่างที่บอกตอนต้นว่า การที่เราใช้งานจอภาพทุกวันมันก็มีการเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ ก็แสดงว่าค่าสีที่เราทำการคาริเบรทจอไปนั้นก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยนั้นเอง เพื่อให้ได้ค่าสีที่แสดงผลใกล้เคียงเดิม เราก็ต้องทำการคาริเบรทจอใหม่นั้นเอง และจะได้รู้ด้วยว่าจอภาพเรานั้นเสื่อมไปที่ขนาดไหนแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่แล้วหรือยังนั้นเอง สุดท้ายนี้คือของแถมเพราะเห็นหลายๆคนบอกว่าจอของ iPad iPhone ในปัจจุบันนั้นแสดงค่าสี sRGB ได้มากกว่า100% อยู่แล้ววันนี้เราก็เลยมาตอบข้อสงสัยกัน โดยที่ถ้าเป็น Mac ที่เป็นรุ่นใหม่ก็สามารถใช้งาน iPad เป็นอีกหนึ่งหน้าจอได้เลยโดยผ่านโปรแกรมที่มีใน MacOS Catalina ที่ชื่อว่า Sidecar โดย iPad ต้องเป็น iPadOS 13 ขึ้นไป และส่วนเครื่อง Mac ผมขอยกตัวอย่างเฉพาะ Macbook Pro ต้องอัพเป็น MacOS Catalina และต้องเป็นรุ่นที่เปิดตัวในปี 2016 หรือใหม่กว่า แต่เครื่องผมเป็น Macbook Pro Mid 2012 ต้องใช้โปรแกรมจากนักพัฒนาภายนอกแทน ชื่อโปรแกรม Astropad และเครื่อง iPad ที่ใช้งานเป็น iPad Gen6 2018 ครับผลก็ตามภาพเลยครับ สรุปเลยว่าไม่ใช่ iPad ทุกรุ่นที่จะมีหน้าที่แสดงค่า sRGB ที่100% ครับ